ปริจเฉทที่ ๙ กัมมัฏฐานสังคหวิภาค
หน้าที่
: 1 2
3 4 5 6 7
8 9 10 11 12
13 14 15 16 17
18 19 20 21 22
23 24 25
26 27 28 29 30 31 32
33 34 35 36 37 38 39
40 41 42 43 44 45 46
47 48 49 50
51 52 53 54 55 56 57
58 59 60 61 62 63 64
65 66 67 68 69 70 71
72 73 74 75
76 77 78 79 80 81
82 83 84 85 86 87 88 89
90 91 92 93 94 95 96 97 98 99 100
101 102 103 104 105 106 107 108
109 110 111 112 113 114 115 116 117
118 119 120 121 122
123 124 125 126 ค้นหาหัวข้อธรรม
![]()
สิ่งที่ปิดบังไตรลักษณ์
ที่เกิดวิปลาส
คือ มีความเห็นผิด เข้าใจผิด
จำผิดขึ้นก็เพราะไม่แจ้งในไตรลักษณ์
ที่ไม่แจ้งในไตรลักษณ์
ก็เพราะมีสิ่งที่ปิดบังไตรลักษณ์อยู่
สิ่งที่ปิดบังไตรลักษณ์ คือ
๑. สันตติ
ปิดบัง อนิจจัง สันตติ คือ
ความสืบต่อของรูปนามที่เกิดขึ้นติดต่อกันอย่างรวดเร็วเหลือเกิน
จึงทำให้ไม่เห็นความเกิดขึ้นและความดับไปของนามและของรูป
ทำนองเดียวกับที่เห็นแสงไฟที่ธูป
ซึ่งแกว่งหมุนเป็นวงกลมอย่างเร็ว
ๆ ในที่มืด ๆ
จึงทำให้เห็นไปว่าแสงไฟนั้นติดกันเป็นพืด
เป็นวงกลมไปเลย ฉะนั้น
เมื่อไม่เห็นความเกิดดับ
ก็ทำให้เข้าใจผิดไปว่ารูปนามนี้ไม่มีการเกิดดับ
เป็นของเที่ยง เป็นสุข
เป็นตัวตนเราเขา
เป็นของสวยงามน่าชื่นชมยินดี
ต่อเมื่อได้กำหนดจนเกิดปัญญาเห็นความดับไปของนามของรูปอย่างชัดเจนแจ่มแจ้งแล้ว
จึงจะทำลายความวิปลาสที่เห็นว่าเที่ยงว่ายั่งยืน
และประหาณ มานะได้
๒.
อิริยาบถ
ปิดบังทุกข์
อันความทุกขเวทนาทั้งหลาย
ตามปกติเป็นส่วนมากนั้นเกิดจากอิริยาบถ
เช่น
นั่งมากก็เมื่อยเกิดทุกขเวทนาขึ้นมาแล้วทนอยู่ไม่ได้
เดินมากก็เมื่อยทนไม่ได้
ยืนมากก็ทนไม่ไหว
แม้แต่นอนมากก็ลำบากทนอยู่ไม่ได้นานเหมือนกัน
อิริยาบถเก่าเป็นทุกข์นั้นย่อมรู้เห็นกันทั่วไปได้โดยง่าย
เมื่อนั่งนานก็เมื่อยทนไม่ได้จึงลุกเดิน
ก็นึกว่าการเดินนั้นเป็นสุขสบายเพราะหายเมื่อย
เดินนานหน่อยก็เหนื่อยทนไม่ได้อีกจึงนอน
ก็นึกว่าการนอนนั้นเป็นสุขสบายเพราะหายเหนื่อย
คือเห็นว่าอิริยาบถที่เปลี่ยนใหม่นั้นเป็นสุข
เพราะขณะที่เปลี่ยนใหม่ ๆ นี้
ทุกขเวทนายังไม่ทันเกิด
แท้จริงอิริยาบถเก่าเป็นทุกข์
อิริยาบถที่เปลี่ยนใหม่ก็จะเป็นทุกข์อีกเหมือนกัน
รวมความว่า
หนีทุกข์เก่าไปสู่ทุกข์ใหม่นั้นเอง
อิริยาบถเก่านั้นเห็นทุกข์ได้ง่าย
เพราะทุกขเวทนากำลังมีอยู่
แต่อิริยาบถใหม่ก็ไม่สามารถพ้นทุกข์ไปได้
จะต้องสำแดงให้ทุกข์ปรากฏขึ้นมาอย่างแน่นอนไม่เร็วก็ช้า
อิริยาบถเก่าที่กำลังมีทุกข์เวทนาอยู่
เป็นที่ตั้งแห่ง โทมนัส
อิริยาบถใหม่ที่นึกว่าเป็นสุขนั้นก็เป็นที่ตั้งแห่ง
ตัณหา คือ อภิชฌา
แต่ว่าการเจริญวิปัสสนากัมมัฏฐานนั้น
เพื่อกำจัดอภิชฌา และโทมนัส
ทั้งสองอย่าง
ที่กล่าวมานี้
เป็นการกล่าวถึงการเห็นทุกขเวทนา
ซึ่งผู้ที่เจริญวิปัสสนากัมมัฏฐานย่อมจะเห็นทุกขเวทนาก่อนเป็นเบื้องต้น
เพราะทุกขเวทนาเป็นของหยาบ
เห็นได้ง่าย ขั้นที่สอง
จึงจะเห็นสังขารทุกข์ที่จะต้องถูกเบียดเบียนโดยความเกิดดับอยู่เป็นนิจ
ต่อไปก็เห็น ทุกขลักษณะ คือ
ความเกิดดับเป็นขั้นที่สาม
และจะปรากฏทุกขสัจจ
เป็นขั้นสุดท้าย
ทุกขเวทนา
เห็นได้ในอิริยาบถเก่า
เห็นสังขารทุกขได้ในอิริยาบถใหม่ เห็นทุกขลักษณะได้เมื่อกำหนดนามรูปจนสันตติขาด
และจะเห็นทุกขสัจจ ได้ในสังขารุ
เบกขาญาณที่แก่กล้า
มีกำลังพอที่จะอนุโลมให้เห็น
อริยสัจจ ทั้ง ๔ ได้
เมื่อเห็นทุกข์
ก็ทำลายวิปัลลาสธรรมที่เห็นว่าสุขว่าสบายนั้นได้
และประหาณตัณหาลงได้
๓.
ฆนสัญญา
ปิดบังอนัตตา
ฆนสัญญา คือ
ความสำคัญว่าเป็นก้อน เป็นแท่ง
ความสำคัญว่าเป็นก้อนเป็นแท่งนั้น
เป็นสิ่งที่ทำให้เห็นว่าเป็นตัวเป็นตน
เป็นคนเป็นสัตว์
ที่ว่าเป็นคนก็สำคัญเอาหมดทั้งก้อนหมดทั้งแท่งนี้ว่าเป็นคน
ถ้าย่อยก้อนนี้แท่งนี้ออกไปแล้ว
ก็จะมีแต่ รูป เวทนา สัญญา สังขาร
วิญญาณ เท่านั้นเอง
หาสิ่งที่เป็นคนเป็นตนเป็นตัวนั้นไม่มีเลย
ถ้ายังถือทั้งก้อนทั้งแท่งว่าเป็นคนอยู่
ก็ย่อมจะเข้าใจผิดไปว่าเป็นของเที่ยง
เพราะยั่งยืนอยู่นับสิบ ๆ ปี
เป็นสุข เป็นสาระ
สวยงามน่ารักน่าใคร่
เมื่อเห็นอนัตตา
ก็ทำลายวิปลาสว่า
เป็นตัวเป็นตนบังคับบัญชานั้นได้ และประหาณทิฏฐิลงได้
การทำลายสิ่งที่ปกปิดไตรลักษณ์
เพื่อให้เห็นไตรลักษณ์นั้น
มีวิธีเดียว คือ
การกำหนดเพ่งรูปนามตามวิธีที่เรียกว่า
เจริญวิปัสสนากัมมัฏฐาน
ที่กำลังศึกษาอยู่บัดนี้
![]()
จัดทำโดย มูลนิธิอภิธรรมมูลนิธิ
![]()