1.gif (7438 bytes)
หน้าสารบัญ หนึ่ง สอง สาม สี่ ห้า หก เจ็ด แปด เก้า
สิบ สิบเอ็ด สิบสอง สิบสาม สิบสี่ สิบห้า สิบหก สิบเจ็ด สิบแปด


lo1.gif (2390 bytes)     . ถาม ผู้ปฏิบัติมีความจำเป็นอย่างไรหรือ จึงจะต้องไปคอยเฝ้าดูอิริยาบถ ๔ อยู่ ขอให้แสดงเหตุผลในการที่ต้องไปคอยเฝ้าดูอยู่เนืองๆให้เข้าใจสักหน่อยเถิด

lo1.gif (2390 bytes)     ตอบ อ๋อ เรื่องนี้ขอให้ท่านลองพิจารณาดูด้วยเหตุผลสักหน่อยก็พอรู้ได้ ความจริงคนเราทุกวันนี้น่ะd1.GIF (11900 bytes) ต่างคนต่างก็หวังความสุขสบายด้วยกันทั้งนั้นใช่ไหม เราก็จะต้องรับว่า "ใช่" แล้วก็เป็นความจริงเช่นนั้น เมื่อลุกจากที่นอนแล้วต่างคนต่างก็ตั้งหน้าไปทำงานเพื่อเสาะหาความสุขให้ตนและคอบครัวด้วยกันทั้งนั้น เพราะมีความเข้าใจว่าถ้าตนได้สมบัติที่ได้ตั้งใจไว้มาก็จะเป็นความผาสุขดังที่คาดคิด อันนี้ไม่ว่า หญิง ชาย เด็ก ผู้ใหญ่ สาวแก่ แม่หม้าย พระ เถร เณร ชี ก็ต้องการ ทุกคนก็ตั้งความหวังกันไว้คนละอย่าง ๒ อย่าง แต่ทุกคนหาได้ใช้ปัญญาพิจารณาไม่ว่า นั่นเป็นเพียงการแก้ทุกข์กันไปวันหนึ่งๆเท่านั้น แท้จริงแล้วในแง่ของคำสอนพระหาได้เป็นความสุขไม่ ที่แท้ก็คือความทุกข์นั่นเอง เพราะขึ้นชื่อว่า "โลก" แล้วไม่มีอะไรเป็นความสุขเลย พูดง่ายๆก็คือ - เราจะไปเสาะหาความสุขในโลก เป็นอันว่าหาไม่พบก็แล้วกัน เพราะความสุขไม่ได้มีอยู่ในโลกไหนๆ อันนี้เราจะเห็นว่าเป็นความทุกข์ได้ ก็จะต้องคอยใช้ปัญญาเฝ้าพิจารณาดูความจริงของทุกข์ที่มันกำลังปรากฏอยู่ ถ้าไม่ทำเช่นนั้นก็ไม่อาจรู้ถึงความเป็นจริงของมันได้ หากมีปัญหาสอดถามว่าแล้วก็ความทุกข์ที่ว่านั่นน่ะ มันอยู่ที่ไหนกันล่ะ ก็จะต้องตอบว่า ก็อยู่ที่ขันธ์ ๕ หรือรูปนามนั้นแหละ เพราะนอกจากขันธ์ ๕ รูปนามก็ไม่มีอะไรเป็นทุกข์ ตัวทุกข์ก็คือขันธ์ รูปนามนั่นเอง ดังนั้น การที่เราจำเป็นต้องใช้ปัญญาเฝ้าพิจารณาดูอิริยาบถก็คือการคอยใช้ปัญญาคอยเฝ้าดูทุกข์นั่นเอง ฯ

mail.gif (4673 bytes)
จัดทำโดย
มูลนิธิอภิธรรมมูลนิธิ
flower.gif (1468 bytes)