คำถาม
คำตอบประจำบรรพ ๑. ถาม
การเจริญวิปัสสนา
ต่างกับการเจริญสมถะอย่างไรบ้าง
ตอบ ต่างกันโดยอารมณ์
ต่างกันโดยปหานะ ต่างกันโดยกิจ
ต่างกันโดยลักษณะ
ต่างกันโดยอานิสงส์
และต่างกันโดยสภาวะ คือ
การเจริญวิปัสสนา
เป็นการทำปัญญาที่รู้ซึ้งถึงนามรูปพร้อมด้วยลักษณะให้เกิดขึ้น
ส่วนการเจริญสมถะนั้นเป็นการทำสมาธิที่ตั้งมั่นในบัญญัติกรรมฐานอารมณ์ให้เกิดขึ้น
แต่ถ้าจะว่ากันโดยอารมณ์แล้ว
วิปัสสนาก็มีพระไตรลักษณ์ซึ่งเป็นลักษณะของนามรูปเป็นอารมณ์
แต่สมถะนั้นมีบัญญัติกรรมฐานมีกสิณเป็นต้นเป็นอารมณ์
ถ้าจะว่ากันโดยปหานะคือการละแล้ว
วิปัสสนาก็จัดเป็นตทังคะปหานะคือละอนุสัยกิเลสอันมีทิฏฐานุสัยเป็นต้นที่นอนเนื่องอยู่ในโลกียจิตทุกๆดวง
ตลอดระยะเวลาที่วิปัสสนานั้นเกิดขึ้น
ส่วนสมถะก็เป็นได้เพียงวิขัมภนปหานะคือ
ละได้ด้วยการกดหรือข่มนิวรณ์ ๕
ซึ่งเป็นกิเลสอย่างกลางเข้าไว้ได้ด้วยอำนาจขององค์ฌานเท่านั้น
แต่ไม่มีอำนาจที่จะละอนุสัยกิเลสได้เหมือนวิปัสสนา
ถ้าจะว่ากันโดยกิจแล้ว
วิปัสสนามีกิจกัจัดอวิชชาคือความไม่รู้ซึ้งสภาวะความจริงที่เป็นม่านมืดคอยปกปิดสภาวะความจริงของอารมณ์อยู่
ส่วนสมถะนั้นมีกิจกำจัดนิวรณ์๕มีกามฉันทนิวรณ์เป็นต้น
ถ้าจะว่ากันโดยลักษณะแล้ว
วิปัสสนามีลักษณะรู้แจ้งแทงตลอดถึงสภาวะความจริงของอารมณ์เป็นลักษณะ
ส่วนสมถะมีความไม่ฟุ้งซ่านตั้งมั่นอยู่ในอารมณ์เดียวเป็นลักษณะ
แต่เมื่อจะว่ากันโดยอานิสงส์แล้ว
วิปัสสนามีอาสวขัย
คอความสิ้นจากกิเลสทั้งปวงในชาติปัจจุบัน
และมีการสิ้นชาติสิ้นภพในอนาคตชาติเป็นอานิสงส์
ส่วนสมถะนั้นก็มีอานิสงส์ทำให้ได้อภิญญาสมาบัติทั้ง
๕ มีหูทิพย์ ตาทิพย์เป็นต้น
เป็นคนมรจิตใจเยือกเย็นเนื่องจากสงบระงับนิวรณ์ที่มากลุ้มรุมจิตใจเสียได้ในชาติปัจจุบัน
ส่วนอานิสงส์ในอนาคตชาตินั้น
สมถะก็มีอานิสงส์ให้เกิดในพรหมโลกได้
ถ้าจะว่ากันโดยสภาวะของธรรมะทั้งสองอย่างนั้นแล้ว
วิปัสสนาเป็นเรื่องของปัญญาโดยตรง
ส่วนสมถะนั้นเนเรื่องของสมาธิโดยเฉพาะซึ่งไม่เกี่ยวกับปัญญาเลย
จึงขอให้ท่านผู้สนใจในธรรมพึงรับทราบตามนี้
|